นายกรัฐมนตรีของ Gen Z : เรื่องจริงในเนปาลที่เขย่าโลกการเมือง
นายกรัฐมนตรีของ Gen Z : เรื่องจริงในเนปาลที่เขย่าโลกการเมือง
🔥 ค่ำคืนต้นกันยายน 2025
กาฐมาณฑุ เมืองหลวงของเนปาล จมอยู่ในเสียงไซเรน ควันแก๊สน้ำตา และความโกรธของคนหนุ่มสาว รัฐบาลประกาศสั่งบล็อกแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ประเทศ กว่า 20 แพลตฟอร์มถูกปิดกั้น ทั้ง Facebook, Instagram, YouTube, WhatsApp, Telegram และอีกมากมาย เพียงเพราะไม่ได้ลงทะเบียนตามกฎหมายใหม่ของรัฐ
รัฐบาลหวังจะ “ตัดไฟแต่ต้นลม” ปิดปากเสียงวิจารณ์ แต่ผลกลับตรงกันข้าม การสั่งบล็อกกลับจุดประกายให้คนรุ่นใหม่ลุกขึ้นเห,ือนภูเขาไฟที่อัดแน่นเกินทน
💣 วันที่ความเงียบกลายเป็นเสียงระเบิด
นักเรียน มหาวิทยาลัย วัยทำงานรุ่นใหม่ หลั่งไหลออกสู่ท้องถนน ถือป้ายที่เขียนด้วยถ้อยคำง่าย ๆ แต่เจ็บลึก
- “คืนอินเทอร์เน็ตให้เรา”
- “เราต้องการอิสระในการสื่อสาร”
การประท้วงเริ่มต้นด้วยเสียงเพลงและการเดินขบวน
แต่ไม่ช้า ความตึงเครียดก็บานปลาย เมื่อเจ้าหน้าที่ใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุม กระสุนจริงถูกยิง ฝูงชนแตกฮือ เหตุการณ์จบลงด้วยความสูญเสียที่ไม่มีใครคาดคิด ผู้เสียชีวิตนับสิบราย บาดเจ็บอีกหลายร้อย
เสียงร่ำไห้ของครอบครัวผู้สูญเสียดังก้องไปพร้อมกับเสียงตะโกนเรียกร้องประชาธิปไตย จากถนนสู่โลกออนไลน์
แม้หลายแพลตฟอร์มถูกปิด แต่ช่องทางสื่อสารใหม่ ๆ ยังคงเกิดขึ้น คนรุ่นใหม่ใช้ VPN ใช้ห้องสนทนา และใช้ทุกพื้นที่ดิจิทัลที่เหลืออยู่เพื่อประสานงานและบอกเล่าความจริง พลังออนไลน์เหล่านี้ไม่ได้แต่งตั้งผู้นำแทนรัฐสภา แต่เป็นแรงกดดันมหาศาลที่สะท้อนชัดว่า . . “สังคมต้องการการเปลี่ยนแปลง” . .
🤔 ทำไมต้องเป็น Sushila Karki?
ท่ามกลางความไม่ไว้วางใจต่อผู้นำทางการเมืองหน้าเดิม ๆ ชื่อที่โผล่ขึ้นมาในทุกวงสนทนาคือ Sushila Karki หญิงวัย 73 ปี อดีตประธานศาลฎีกา และผู้พิพากษาหญิงคนแรกของเนปาล เธอเป็นที่รู้จักในฐานะผู้พิพากษาที่กล้าชนกับการเมืองและกองทัพ ไม่เคยยอมจำนนต่อแรงกดดัน เคยถูกพยายามกีดกันและถอดถอน แต่เธอก็ยืนหยัดต่อสู้เพื่อหลักนิติธรรม สำหรับคนรุ่นใหม่ที่เบื่อหน่ายการคอร์รัปชัน เธอคือสัญลักษณ์ของ “ความยุติธรรมที่ไม่ถูกซื้อ” และเป็นแสงสว่างที่พวกเขาหวังจะนำพาประเทศผ่านวิกฤต
☀️ วันที่สาบานตน
12 กันยายน 2025 Sushila Karki ยืนต่อหน้าประธานาธิบดีและสาบานตนเป็นนายกรัฐมนตรีรักษาการของเนปาล บทบาทใหม่ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งทั่วไป แต่เกิดขึ้นภายใต้แรงกดดันมหาศาลจากท้องถนน และทันทีหลังสาบานตน เธอส่งเสียงที่แตกต่างจากความเงียบงันของรัฐบาลเดิม เธอเรียกร้องให้ประชาชน “หยุดความรุนแรง สงบสติ และกลับมาสามัคคี” พร้อมประกาศมาตรการบรรเทาความเดือดร้อนแก่ครอบครัวผู้สูญเสีย เงินชดเชยสำหรับครอบครัวผู้เสียชีวิต และการดูแลรักษาพยาบาลสำหรับผู้บาดเจ็บ รายงานบางสำนักข่าวระบุวงเงินชดเชยประมาณ 1 ล้านรูปีต่อครอบครัว เธอประกาศกรอบทำงานชัดเจน - ฟื้นฟูประเทศ เยียวยาประชาชน และเตรียมการเลือกตั้งใหม่ เพื่อให้ประชาชนได้เป็นผู้ตัดสินอนาคตของเนปาลด้วยตนเอง
🌻☀️🐝 สำหรับ Gen Z เนปาล
การออกมาประท้วงครั้งนี้ย้ำชัดว่าอิสระในการสื่อสารคือหัวใจของประชาธิปไตย และว่าผู้นำที่แท้จริงคือผู้ที่ยืนหยัดเพื่อความถูกต้อง แม้จะต้องเผชิญแรงกดดันมหาศาล
เรื่องนี้ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนผู้นำ แต่เป็นสัญญาณว่า ความศรัทธาที่สร้างไว้ในอดีต สามารถกลับมาเป็นทุนทางสังคมในวันนี้